ครีเอเตอร์ดิจิทัล facebook คืออะไร คุยเจาะลึกงาน iCreator Conference 2020 กับ คุณเอ็ม ฟุ้งกระจาย เจรียรนัยพานิชย์ ผู้จัดตั้ง The Zero Publisher และก็ชายผู้เป็นหัวเรือหลักของรายการ iCreator Podcast โดยคราวนี้ iCreator Conference จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 แล้ว โดยปีนี้มาในธีม “Next Gen and The Legends” ในเนื้อหานี้พวกเราจะมาสัมภาษณ์ คุณเอ็ม เกี่ยวกับมุมมองของการเป็น Creator กับปริศนาที่ว่า “Creator ควรเป็นเช่นไร เวลาที่ใครๆก็ต้องการเป็น Creator กันหมด”
คำว่า Creator ในมุมมองของคุณเอ็ม เป็นอย่างไร แล้วก็ไม่เหมือนกับ YouTuber, Blogger หรือ คนทำเว็บเช่นไร?
คุณเอ็ม: จริงๆคำว่า YouTuber หรือ Blogger เป็นคำที่ตั้งขึ้นมาตามแพลตฟอร์มนั้นๆได้แก่ YouTuber ที่มาจากแพลตฟอร์ม YouTube หรือ Blogger ที่มาจากเว็บเป็นหลัก แม้กระนั้นพอเพียงมิได้อยู่บนแพลตฟอร์มนั้นๆพวกเราก็เลยต้องหาชื่อกึ่งกลางที่ใช้เรียกทุกคน ซึ่งในต่างถิ่นหรือที่อื่นๆเขาชอบใช้คำว่า Creator เป็นการดูในรูปภาพรวมว่าทุกคน เป็นคนทำคอนเทนต์
จริงๆเพียงแค่พวกเราโพสต์ Facebook หรือ Tweet 1 ครั้ง พวกเราก็ถือได้ว่า Creator คนหนึ่งแล้ว ครีเอเตอร์ดิจิทัล facebook คืออะไร แม้กระนั้นสิ่งที่แยกระหว่างคนทำคอนเทนต์ทั่วๆไปแล้วก็ Content Creator มือโปรหมายถึงความเกี่ยวเนื่องของการผลิตสรรค์รายละเอียด ตัวอย่างเช่น วันนี้อาจมีหนึ่งผู้ที่ทำคลิปหนึ่งคลิปแล้วดังเลวข้ามคืน คนแชร์ออกไปๆมาๆกมาย แต่ว่าเขาคนนั้นบางครั้งก็อาจจะมิได้สร้างรายละเอียดอย่างสม่ำเสมอในตอนหลัง เปลี่ยนเป็นว่า เขาดังขึ้นมาเพียงแค่คลิปเดียว ขึ้นลงแบบงี้พวกเราเรียกว่าเป็น Influencer หรือ Net Idol มากยิ่งกว่า
กับอีกหนึ่งเรื่องเป็น เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการผลิตรายละเอียดอย่างมีแบบ มีการคิดแผนล่วงหน้า แล้วก็มีความมุ่งมั่นแอบซ่อนอยู่ในผลงาน เป็นคุณมิได้สร้างคอนเทนต์สิ่งเดียว แต่ว่าจำเป็นต้องโน้มน้าวคน หรือชักนคนโดยตลอดได้ด้วย
ครีเอเตอร์ดิจิทัล facebook คืออะไร ความสามารถนี้จำเป็นต้องปัง! ถ้าหากต้องการเป็น Content Creator
หนึ่งในอาชีพในฝันของคนสมัยใหม่ “Content Creator” หรือนักประดิษฐ์คอนเทนต์ โดยยิ่งไปกว่านั้นบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ยกตัวอย่างเช่น Youtube Facebook IG Tiktok หลายท่านมีไอดอลเป็นเหล่าพี่ๆน้องๆในแวดวงที่บรรลุเป้าหมาย สร้างรายได้จากช่องและก็รับงานโปรโมทได้ต่ออีกเยอะมาก มั่นใจว่าคงหันกลับมาคิดกับตนเองว่า “พวกเราทำบ้างดีไหมนะ?”
ถ้าเกิดต้องการจะเป็น Content Creator ให้ปังจำต้องนำพาความชำนาญอะไรไว้บ้าง
1. Storytelling
ความสามารถการเล่าเรื่อง เป็นการใช้วิธีการเล่าและก็ลำดับเรื่องราวเช่นไรให้สนุกสนานและก็น่าติดตาม บางบุคคลโชคดีมีความชำนาญนี้ประจำตัวมาธรรมชาติ เล่าทีไรเพื่อนพ้องสนใจ ต้องการฟัง ตลกขบขัน แล้วก็อินด้วยตลอด แต่ว่าสำหรับผู้ที่ไม่ค่อยเก่งสำหรับการเล่าก็สามารถพัฒนาต่อได้จากการอ่าน ฟังและก็มอง Content ของ Creator ท่านอื่นจำนวนไม่ใช่น้อยและก็เสพสื่ออื่นๆที่เหนือความพอใจของตนบ้าง อาทิเช่น ทดลองดูหนังแนวใหม่ๆหรือฟังพอเพียงตแคสท์ช่องที่ไม่เคยฟังมาก่อนแม้กระนั้นเป็นที่นิยม เพื่อสั่งสมคลังเก็บของ “กระบวนการเล่า” ไว้ภายในหัว
2. Creative thinking
คนจำนวนไม่น้อยกลัวคำนี้เพราะเหตุว่ามีความคิดว่าธรรมดาตนเองไม่ค่อยได้ดำเนินงานที่จำต้องใช้สมองประดิษฐ์ แต่ว่าความเป็นจริงความชำนาญนี้เป็นความชำนาญที่ฝึกซ้อมได้อย่างแน่แท้ไม่ว่าคุณจะเรียนด้านใด หรือทำอาชีพใดก็ตาม สาระสำคัญที่จะปรับปรุง Skill นี้เป็นควรมีทั้งยัง Input รวมทั้ง Output เป็นพวกเราจำต้องเสพงานจำนวนมากแล้วก็นานาประการ เมื่อสมองมีวัตถุดิบพอเพียง จำเป็นต้องฝึกหัดประยุกต์ใช้คิดไอเดียออกมาด้วย โดยสมองจะนำทุกสิ่งทุกอย่างมาประสมประสาน สร้างของใหม่ๆขึ้นมาเอง โลกนี้ไม่มีอะไรที่เป็น Orginal อย่างแท้จริง ครีเอเตอร์ดิจิทัล facebook คืออะไร ทุกสิ่งล้วนมีสาเหตุมาจากการต่อยอด เสนอแนะให้พกสมุดเขียนเล็กอันหนึ่งไว้สำหรับเขียนความนึกคิดที่พวกเรามีความคิดว่าเยี่ยมไว้ เพื่อใช้มองเมื่อจำเป็นต้องคิดไอเดีย
3. Planning & Managing
วิธีการทำ Content Creator ที่จะไปถึงเป้าหมายได้จาก Content ที่มีคุณภาพจริงๆโดยไม่อาศัยความฟลุ๊คซึ่งเกิดเรื่องควบคุมได้ยาก ความสามารถที่จำเป็นมากเป็นหัวข้อการคิดแผน รวมทั้งจัดแจงคอนเทนต์ แล้วก็ตารางเวลาของตัวเอง เป็นต้นว่า ระบุขณะการลงคอนเทนท์ วิถีทางการลง รายละเอียด แม้บางบุคคลดำเนินการประจำอยู่ด้วยก็จำต้องบริหารเวลาการทำงานรวมทั้งพักดีๆด้วย ชี้แนะว่าต้องมีแอปฯจัดแจงตารางงาน หรือปฏิทินงานไว้เป็นตัวช่วย
4. Communication
หลายเว็บมักกล่าวถึง Writing skill ที่ใช้สำหรับในการติดต่อ แล้วก็ติดต่อ แม้กระนั้นอันที่จริงแล้วถ้าหากให้ครอบคลุมกว่าเป็น “ความชำนาญการติดต่อสื่อสาร” ศูนย์รวมอีกทั้ง Verbal (ความชำนาญการพูด) และก็ Non-verbal (ความชำนาญการสื่อที่ไม่ใช่การพูด เช่น สีหน้าท่าทาง อิริยาบถ) เพื่อทำให้การติดต่อสื่อสารเป็นไปอย่างราบลื่น ไม่กำเนิดความเข้าใจผิด หรือกำเนิดดราม่าจนกระทั่งดับเสียก่อนที่จะดัง รวมทั้งการมีความชำนาญการติดต่อสื่อสารที่ดี ยังช่วยสร้าง Engagement ได้ด้วย อย่างเช่นการศึกษา Caption หรือ Title ที่น่าดึงดูด
5. Networking
ในตอนนี้มีให้มองเห็นแบบอย่างการ Collab ผ่านเพจ ผ่านช่อง กันเยอะแยะ วิธีการทำ Collab นอกเหนือจากที่จะช่วยเพิ่มยอดทิวทัศน์ เรียกกระแสเจริญ ยังให้โอกาสเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆมากขึ้นเรื่อยๆด้วย แต่ว่าการจะไป Collab กับช่องอื่นได้ พวกเราจะต้องมีความสามารถการผลิตมิตรภาพ อาทิเช่น ร่วม Meeting หรือสัมนาต่างๆที่มีคนภายในแวดวงที่พวกเราพอใจร่วม เพื่อให้โอกาสให้ได้พบปะสนทนาคน และก็ต่อยอดเป็น Connection ที่ดีได้ ความชำนาญนี้ขอกาดอกจันตัวโตๆว่า *สำคัญ* ด้วยเหตุว่าเป็นกุญแจสำคัญที่สามารถจะช่วยให้ Content พวกเราเข้าถึงผู้ชมได้เร็ว รวมทั้งเยอะแยะขึ้นยิ่ง ถ้าหาก Content ดีจัง ยืนยันว่าปังเร็วแน่ๆ!
6. Up to date & Insightful
หูตาจะต้องไว รู้ข่าว ทราบเทรนด์ แล้วก็หา Insight จากคนรอบข้างเก่ง ความชำนาญนี้ผู้ที่ถูกใจเสพข่าวสาร หรือติดตามโลกโซเชียลตลอดบางครั้งอาจจะเหนือกว่า เนื่องจากว่าเข้าถึงทุกๆสิ่งทุกๆอย่างได้เร็ว แม้กระนั้นสำหรับ Content Creator เท่านั้นยังน้อยเกินไป คุณจำต้อง “มองให้ออก” รวมทั้ง “จับให้ถูก” กระแสด้วย ก็เลยจะปัง
Content Creator มีบทบาททำอะไรบ้าง
คนไม่ใช่น้อยบางทีอาจจะสงสัยว่า ครีเอเตอร์ดิจิทัล facebook คืออะไร หน้าที่ของ Content Creator นั้น หนึ่งวันจำเป็นต้องทำอะไรบ้าง ถ้าเกิดมาสายคนเขียนจะต้องเขียนสิ่งเดียวเลยไหม หรือสายวิดีโอจำเป็นต้องตัดต่อสิ่งเดียวเลยหรือไม่?
โดยหน้าที่ในทุกๆวันนั้นบางครั้งอาจจะแตกต่างออกไปบ้างสำหรับ Content Creator แต่ละจำพวก ซึ่งที่พวกเราได้สะสมมานั้นจะเป็นภาพรวมในวงกว้าง ช่วยทำให้คุณมองดูภาพในหนึ่งวันของพวกเขาได้ แจ้งชัดมากเพิ่มขึ้น ประกอบไปด้วย
- การวิเคราะห์แบรนด์หรือธุรกิจก่อนผลิตคอนเทนต์
- การค้นคว้าวิจัยหาความคิดใหม่ๆให้ตนเอง
- การสร้างผลงาน
- การตรวจดูผลงาน
- การตำหนิดตามความก้าวหน้าของผลงาน
- มาดูหน้าที่แต่ละอย่างกันดีกว่า
พินิจพิจารณาแบรนด์เพื่อการติดต่อสื่อสาร (Brand Communication Analysis)
มาถึงหน้าที่แรกก็อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีคนสงสัยบ้างว่า Content Creator มีบทบาทนี้ด้วยหรอ ไม่ใช่หน้าที่ของ นักการตลาดหรอกหรอที่จำต้องพินิจพิจารณาแบรนด์ ความเป็นจริงแล้วนั้นหน้าที่ของนักการตลาดที่การวิเคราะห์ ธุรกิจแบบองค์รวม ตลอดตัวธุรกิจเอง ลูกค้า รวมถึงยุทธวิธีต่างๆตัวอย่างเช่น Business Canvas, SWOT หรือ Customer Persona ฯลฯ แล้วก็ข้อมูลพวกนี้นั่นเองที่เหล่า Content Creator จะเอามาพินิจพิจารณาต่อ
เมื่อเหล่า Content Creator ทราบว่าธุรกิจนั้นมีกลุ่มเป้าหมายเป็นคนไหนกันแน่ อายุเยอะแค่ไหน ก็จะสามารถเอามาพินิจพิจารณาได้ว่าควรจะคิดแผนติดต่อผ่านคอนเทนต์อะไรแล้วก็ต้นแบบไหน ติดต่อสื่อสารผ่านวิถีทางอะไร ติดต่อในช่วงไหนแล้วก็ที่สำคัญเป็นจำต้องติดต่อสื่อสารยังไงให้สะใจ
รวมทั้งร่วมมือกับทาง Marketer สำหรับในการตั้งความมุ่งหมายรวมทั้งจุดมุ่งหมายของวิธีการทำ Content Marketing ให้เด่นชัดเพื่อเป็นการปูทางให้กับงานที่จะผลิตในอนาคต
สร้างสรรค์ความคิดใหม่ๆ(Ideation & Research)
อีกหน้าที่ของ Content Creator ที่สำคัญเป็น การสืบหาข้อมูลหรือความคิดใหม่ๆตลอดระยะเวลา ครีเอเตอร์ดิจิทัล facebook คืออะไร เนื่องจากว่าการสร้างคอนเทนต์นั้นสิ่งจำเป็นที่สุดเป็นการสร้างผลงานเพื่อมีคนมาติดตามอ่าน หรือติดตามรับดูแล้วก็ได้ทราบจะกับแบรนด์ผ่านรายละเอียดกลุ่มนี้
บอกกันตามจริงเป็นคิดไอเดียออกมาให้รองรับในสิ่งที่ต้องการของผู้รับสาร ไม่ว่าจะเป็นในแบบ รายละเอียดที่มาไวไปไวแบบ Tropical Content หรือรายละเอียดที่จะดำรงอยู่ได้ตลอดแบบ Evergreen ซึ่งสิ่งกลุ่มนี้สามารถกระทำการ Research ผ่านการใช้ Tools ต่างๆตัวอย่างเช่น Google Trends, Answer The Public, Google Keyword Planner, KWFinder หรือแม้กระทั้งวัสดุอย่าง Social Listening Tools อื่นๆก็ได้เหมือนกัน เปรียบได้ดั่งตัวช่วยที่รอฟังว่าคนกำลังพอใจหรือให้ความใส่ใจกับอะไรอยู่
คิดแผนแล้วก็ประดิษฐ์คอนเทนต์ออกมา (Content Planning & Creation)
เมื่อ Brainstorming กันเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาที่เหล่า Content Creator จะได้ลงมือกระทำกันขมักเขม้น wowgame333 เมื่อก่อนที่จะไปถึงกับขนาดตอนผลิตภัณฑ์งานออกมาจะต้องมีการ คิดแผนคอนเทนต์ก่อน เผื่อที่กำลังจะได้จัดเป็นตาราง การทำงานถูกว่าวันไหนควรจะเริ่มทำผลงานไหน เพื่อส่งทัน Deadline ในวันที่เยอะแค่ไหน
โดยส่วนมากเหล่า Content Creator ชอบวางแผนลงผลงานผ่าน Content Calendar ที่มีรูปร่างเสมือนปฏิทินเพื่อลงว่าในหนึ่งเดือน มีคอนเทนต์แนวไหนที่จำต้องทำบ้างรวมทั้งจำเป็นต้องเผยแพร่ลงใน Platfrom อะไร
เมื่อจัดแจง Content Calendar เสร็จสมบูรณ์ก็ถึงเวลาลงมือสร้างคอนเทนต์ ซึ่งสำหรับสายคนเขียนนั้นชอบทำงานบน Google Doc เนื่องจากเป็น Platfrom ที่กลุ่มหรือนายจ้างสามารถเข้ามาตรวจทานงานแล้วก็ให้คำปรึกษาผ่านงานได้เลยในทันที แถมเป็นวัสดุที่ใช้งานง่ายอีกด้วย