![Rolex](https://www.open4group.com/wp-content/uploads/2024/05/m126710blro-0001_modelpage_front_facing_landscape_11zon.webp)
Rolex โรเล็กซ์ (อังกฤษ: ) เป็นแบรนด์ของนาฬิการะดับค่อนข้างสูงจากประเทศ สวิสเซอร์แลนด์ ตั้งโดยฮันส์ วิลส์ดอฟรวมทั้งอัลเฟรด เดวิสที่ได้รับการยกย่องจากหลายสื่อ และก็ นิตยสาร บิสซีเนสวีค (Businessweek) จัดอันดับให้นาฬิกา โรเล็กซ์ ติดอันดับ 71 เมื่อปี 2007 จาก 100 แบรนด์ ยอดเยี่ยม นอกจากที่กล่าวมานี้ โรเล็กซ์ ยังเป็นแบรนด์หรูหราที่ใหญ่ที่สุดกางรด์เดียว มีการผลิตราว 2000 เรือนต่อวัน รายได้อย่างคร่าวๆทั่วสหรัฐประมาณ3 พันล้านดอลลาร์ โรเล็กซ์ยังคงรักษาสถิตินาฬิกาข้อมือที่ได้รับการรับรองด้านความถูกต้องชัดเจนมากที่สุด
- นี่เป็นรูปลักษณ์ของแฮร์สปริง Parachrom ซึ่งทำหน้าที่ดูแลดูแลเรื่องความถูกต้องสำหรับในการจับเวลาของนาฬิกา โดยเป็นส่วนประกอบที่เราออกแบบและก็สร้างขึ้นเองทั้งสิ้นก่อนเผยโฉมเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2005 นี่ยอดเยี่ยมเลิศที่ความรู้ความเข้าใจของแฮร์สปริงที่ทำจากโลหะอัลลอย อัตราส่วนของรูปที่เห็นอาจก่อให้คุณควรต้องตะลึงงัน
- จะเห็นได้ว่าบริเวณส่วนขอบมีความบางกว่าผมหนึ่งเส้นและมีน้ำหนักเพียงแต่เศษเสี้ยวของมุก ยิ่งกว่านั้น เมื่อเอามาม้วนม้วนเข้าด้วยกันแล้ว ก็จะมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางเพียงแค่ไม่กี่มิลลิเมตรเท่านั้นเอง แฮร์สปริงได้รับการบรรจุเอาไว้ในตัวบ้านที่ผนึกอย่างแน่นหนาที่เรียกว่า “Oyster” เพื่อคุ้มครองป้องกันแรงกระทบจากข้างนอก ไม่ต้องบอกก็รู้ได้เลยว่าเกือบไม่มีผู้ใดเคยเห็น Parachrom ด้วยตาของตัวเอง แล้วทำไมเราถึงจำเป็นที่จะต้องให้ความสำคัญกับสีของส่วนประกอบชิ้นนี้เป็นพิเศษ โน่นก็เพราะเหตุว่าเฉดสีฟ้าเป็นสีที่
สะท้อนถึงขนบประเพณีที่ความเป็นสุดยอดสำหรับการผลิตนาฬิกาของเรา Rolex
แล้วหลังจากนั้นก็ยังเป็นสีเดียวกับอัลลอยชนิดพิเศษที่เราแก้ไขขึ้นจากการผสมผสานไนโอเบียม เซอร์โคเนียม แล้วก็ออกสิเจน แล้วนำไปผ่านวิธีการชุบผิวเพื่อยับยั้งการทำปฏิกิริยาขบวนการออกซิเดชัน ด้วยเหตุนั้น สีฟ้าก็เลยสื่อความหมายกับเราเป็นอย่างมากเพราะเหตุว่าเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความรู้ความเข้าใจอันทนนานที่เราตั้งใจตลอดมา โดยแฮร์สปริงที่เราปรับแก้ขึ้นนั้นมีคุณสมบัติต่อต้านสนามไฟฟ้า พร้อมประมือกับอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง ทั้งยังคงทนถาวรต่อแรงชนรวมทั้งการสึกหรอได้เป็นอย่างดี โน่นก็เลยทำให้โรเล็กซ์ทุกเรือนที่มาพร้อมแฮร์สปริง Parachrom เดินเป็นจังหวะป้อมน่าจะอย่างไม่หยุดยั้ง
ความสามารถยกกำลังสาม
นี่เป็นเม็ดมะยมไขลาน Triplock ซึ่งมาพร้อมระบบของใหม่ใหม่ที่เราเปิดตัวเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1970 ในรุ่นSea-Dweller กับ “ล็อกสามชั้น” Rolex ที่ปิดผนึกแยกกันในสามโซน รวมทั้งตั้งแต่แมื่อปี 1926 ตัวบ้าน Oyster ของเราก็มาพร้อมกับเม็ดมะยมที่ถูกยึดไว้ด้วยสกรูเพื่อคุ้มครองสิ่งที่ “สามารถ” เกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นน้ำ เหงื่อ หรือฝุ่นผง ไม่ให้เข้าไปในตัวบ้าน
ต่อมาในปี 1954 เราก็ได้ตั้งเม็ดมะยมไขลาน Twinlock พร้อมเพิ่มตัวกันน้ำเพื่อยั้งสิ่งที่ “อาจ” เกิดขึ้นได้ ตัวอย่างเช่น ในเหตุที่พบได้ยากซึ่งส่งผลต่อปะเก็นในระหว่างมุดน้ำ ส่วนเม็ดมะยมไขลาน Triplock ของเรานั้นได้ถูกทำขึ้นมาเพื่อผจญกับสิ่งที่ “ไม่สามารถที่จะ” เกิดขึ้นได้อย่างแน่แท้ มันก็คือการที่เม็ดมะยมหลุดออกมาเองที่ระดับ 11,000 เมตร (36,090 ฟุต) ใต้ผิวน้ำ… ดังนั้นไม่ว่าจะลึกเท่าไรก็ตาม เราได้เตรียมพร้อมคุ้มครองนาฬิกาของเราจากสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เอาไว้เรียบร้อยแล้ว
จุดเริ่มแรกของตำนานความแม่นยำ
- เรื่องราวของ เริ่มที่กรุงลอนดอนอังกฤษ เมื่อ Hans Wilsdorf ในวัย 24 ปี และจากนั้นก็พี่เขยของเขา Alfred Davis ได้ตั้งขึ้นแบรนด์นาฬิกาของตนเองขึ้น โดยใช้ชื่อว่า “Wilsdorf and Davis” เป็นแบรนด์นาฬิกาที่มีความแม่นยำสูง สวย แล้วก็ใช้งานได้ดี ซึ่งเป็นหลักฐานที่สำคัญของเรือนเวลา ตั้งแต่วันแรกตราบจนกระทั่งตอนนี้
- ภายหลังที่ทำงานด้วยความทุ่มเทมาตลอด 6 ปี ก็ถึงเวลาที่ Hans จำเป็นต้องตั้งชื่อแบรนด์สักหนึ่งครั้ง ในเช้าวันหนึ่งขณะที่เขานั่งรถม้ามองเมืองอยู่นั้น เขาก็ได้ยินเสียงกระซุบกระซิบในหูของเขาว่า “” ต่อจากนั้นเขาก็เลยตกลงปลงใจเขียนแบรนด์ “” เพราะชื่อนี้ทำให้คนทั้งโลกอ่านออกเสียงได้อย่างสะดวกสบายและก็ตรงกัน
- ความปลอดภัยอันล้ำลึกนี่เป็นวาล์วคายฮีเลียมของเรา ซึ่งได้รับการเขียนสิทธิบัตรเมื่อปี 1967 โดยมีหน้าที่ช่วยปกป้องนาฬิกาที่วางแบบมาสำหรับการมุดน้ำในระดับที่ลึกเต็มกำลัง โรเล็กซ์แก้ไขวาล์วนี้ขึ้นเพื่อสามารถปล่อยฮีเลียมที่ใช้ในถังควบคุมแรงกดดันขณะลดความดันในการมุดน้ำ
โดยวาล์วดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วจะดำเนินการเองอย่างมีระบบระเบียบเมื่อความดันภายในนาฬิกาสูงเกินความจำกัด เพื่อไม่ให้ก่อให้เกิดผลกระทบต่อเหตุการณ์สุญญากาศภายในนาฬิกา ฮีเลียมเป็นก๊าซเฉื่อยที่มีคุณสมบัติในการแรมรอนได้เป็นอย่างดี ซึ่งจำเป็นอย่างมากสำหรับมนุษย์สำหรับการมุดน้ำแบบอิ่มตัว โดยอะตอมของฮีเลียมสามารถทะลุได้ทุกสิ่งทุกอย่าง แม้แต่ตัวบ้านผ่านทางซีลของนาฬิกาไม่ว่าจะมีการปกป้องรักษาอากาศเข้าอย่างมิดชิดเยอะแค่ไหนก็ตาม และจากนั้นก็ถ้าหากระบบไม่สามารถตระเตรียมเรื่องความดันได้เร็วพอเพียงในขณะขึ้นสู่ผิวน้ำ แรงกดดันข้างในก็สามารถดันกระจกให้หลุดออกมา Rolex ซึ่งทำให้ตัวบ้านได้รับความทรุดโทรมรวมทั้งย่อมไม่ดีต่อความสามารถหลักการทำงานของกลไก ก็เลยเป็นเหตุผลที่ทำให้เราประดิษฐ์ระบบปรับแรงกดดันด้วยตัวเองนี้ขึ้นมา โดยเดี๋ยวนี้มีส่วนประกอบที่สำคัญ อย่างเช่น ท่อสุญญากาศ ลูกสูบ ซีล และสปริง เพราะสำหรับเราแล้ว ถ้าเอ่ยถึงความลึก การบรรลุวัตถุประสงค์ที่แท้จริงนั้นไม่ได้อยู่ที่การดำลึกลงไป ถึงแม้ว่าเป็นการเดินทางกลับสู่ผิวน้ำ
ขุมพลังขนาดจิ๋วนี่เป็นแฮร์สปริง Syloxi ซึ่งผลิตขึ้นมาจากซิลิคอนและก็เปิดตัวเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2014 ในค้างลิเบอร์ 2236 โดยทั้งมวลนี้ผ่านการแต่งขึ้นข้างในโรงงานของเราเองเอกลักษณ์สะดุดตาของส่วนประกอบองค์ประกอบออสสิลเลเตอร์ช่วยค้ำประกันความแม่นยำสำหรับเพื่อการจับเวลาของนาฬิกาได้เป็นอย่างดี แม้ว่าจะดีไซน์มาสำหรับนาฬิการุ่นที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดเล็กและก็กลาง และนาฬิการุ่นที่เพรียวบางที่สุดของเราก็ตาม แต่ขนาดดังที่กล่าวมาแล้วนั้นก็ไม่ได้ส่งผลต่อความรู้ความเข้าใจอะไร มาพร้อมความยืดหยุ่นถึงแม้ว่าทรหดอดทน มีความค่อยแม้กระนั้นต้านทานเฉิดฉาย แล้วก็เมื่อมองให้ลึกถึงระดับไมครอนก็จะพบว่าแฮร์สปริง Syloxi นั้นอัดแน่นด้วยขุมพลังเยอะมากอย่างแท้จริง รีวิวเว็บพนันและคาสิโนออนไลน์
“ความกระตือรือร้นของผมไม่มีขอบเขต เมื่อปล่อยให้จินตนาการท่องไปในความเป็นไปได้
สำหรับเพื่อการสร้างนาฬิกาข้อมือ อนาคตทั้งสิ้นและโลกใบนี้เปิดกว้างเฉพาะหน้าผม ด้วยเหตุว่านาฬิกาข้อมือยังไม่มีอยู่จริง” ฮันส์ วิลส์ดอร์ฟ ผู้ก่อตั้งแบรนด์นาฬิกา กล่าวด้วยความเอาจริงเอาจัง นับจากตั้งขึ้นแบรนด์ในปี 1905 เขามีความรู้สึกว่านาฬิกาข้อมือเป็นอนาคต เขาก็เลยเริ่มเปลี่ยนแปลงนาฬิกาข้อมือที่ตอบรับกับไลฟ์สไตล์ของคนในสังคม ทำให้สิ่งประดิษฐ์ที่ถูกมีความรู้สึกว่าเป็นเครื่องเพชรพลอยแปลงมาเป็นเรือนในระหว่างที่บอกเวลาได้อย่างเที่ยงตรงและวางใจได้
พร้อมพบเห็นทุกแรงกดดันระบบ Ringlock เปิดตัวเมื่อปี 2008 โดยมีจุดหมายเพื่อช่วยให้นาฬิกามุดน้ำของเราพร้อมจัดแจงกับความลึกในระดับเต็มที่ Rolex ส่วนประกอบตัวบ้านมีความพิเศษไม่เหมือนใครแล้วก็ผ่านการเขียนสิทธิบัตรแล้ว ทั้งยังสามารถกีดกันแรงกดดันได้อย่างมากท่ามกลางความมืดดำมิด ทดลองเจาะลึกในรายละเอียดของสถาปัตยกรรมของเราที่มีสามระดับชั้นกัน
เริ่มจากชั้นแรกซึ่งเป็นคริสตัลแซฟไฟร์ทรงโดมและมีความดกเพียงแค่ไม่กี่มิลลิเมตร ลึกลงไปจะเป็นวงแหวนบีบอัดแรงต้านทานสูงที่ทำจากเหล็กกล้าไนโตรเจน และลึกลงไปกว่านั้นเป็นฝาด้านหลังตัวบ้านจากไทเทเนียม RLX ดังต่อไปนี้จะแลเห็นได้ว่าภายหลังที่ตัวบ้าน Oyster รุ่นเริ่มต้นบรรลุเป้าหมายในด้านการปกป้อง
น้ำจนตราบเท่าเป็นที่แจ้งชัดแล้ว ระบบ Ringlock ถือได้ว่าเป็นผลงานต่อยอดที่ส่อให้เห็นความตั้งใจจริงและตอกย้ำถึงการบรรลุจุดประสงค์ดังที่กล่าวถึงมาแล้ว สำหรับเราแล้ว ทุกแรงกดดันเป็นตัวกระตุ้นให้กำเนิดกรรมวิธีแก้ไขรวมทั้งสืบหาทางออกที่สมบูรณ์แบบ อีกทั้งช่วยเหลือเราให้เดินหน้าเสริมสร้างความสามารถและความเชี่ยวชาญในด้านการคุ้มครองป้องกันน้ำของเราให้ดียิ่งขึ้นไปกว่าเดิม และจากนั้นก็แน่นอนว่าความเสร็จที่เกิดขึ้นดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นจะช่วยทำให้ปรับคุณก้าวผ่านข้อกำหนดใหม่ๆได้อย่างสัมฤทธิ์ผล
ในปี 1914 – 1918 ได้เกิดสงครามโลกครั้งที่หนึ่งขึ้น ซึ่งก็ได้ส่งผลกับเศรษฐกิจเป็นอย่างยิ่ง แม้ จะไม่ได้รับผลพวงรุนแรง ราวแบรนด์อื่นๆแต่เพราะเหตุว่านาฬิกาเป็นของสิ้นเปลือง เนื่องจากว่าใช้เงินรวมถึงทองคำเป็นเครื่องมือหลัก ทำให้บริษัทโดนเก็บภาษีเป็นอย่างมาก Hans ก็เลยตกลงปลงใจออกมาจากอังกฤษในปี 1919 รวมทั้งย้ายไปอยู่ที่เมือง Geneva ประเทศสวิตเซอร์แลนด์แทน แล้วก็แปลงชื่อแบรนด์เป็น Watch Company แล้วก็แปลงอีกครั้งในหลายปีถัดมา จนกว่ามาเป็น SA อย่างที่เราแลเห็นในทุกวันนี้
เราใส่ใจในทุกรายละเอียดนี่เป็นชุดกลไกปล่อยจักร Chronergy
ที่เราได้เปิดตัวเมื่อปี 2015 กลไกนี้ทำหน้าที่ส่งผ่านพลังงานด้วยความถูกต้องอย่างสม่ำเสมอเพื่อควบคุมจังหวะการเดินของนาฬิกา จักรและก็เดือยก้ามปูได้รับการออกแบบขึ้นใหม่เพื่อทำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นของระบบภายใต้
แนวทางการทำงานที่เรียบง่าย โน่นเป็นการดีไซน์เดือยให้มีสองขาเพื่อช่วยปรับให้การปลดปล่อยจักรที่มีรอยบากสามารถหมุนได้อย่างอิสระในจังหวะที่ใช้เวลาสั้นเป็นอย่างยิ่ง กล่าวคือ “ติ๊ก” จะเป็นการที่ขาแรกทำหน้าที่หยุดจักร
ตอนที่ “ต็อก” จะเป็นการปล่อยจักรแล้วก็รอจวบจนถึงขาลำดับลำดับที่สองจะหยุดการหมุน แล้วหลังจากนั้นก็จะเป็นอย่างงี้ตลอดกาล ซึ่งลักษณะดังกล่าวมาแล้วข้างต้นจะเกิดขึ้นเป็นจำนวนแปดครั้งต่อวินาทีโดยที่ไม่มีการข้ามจังหวะแม้แต่ครั้งเดียว
เสมอกันได้กับ 28,800 รอบต่อชั่วโมง หรือ “ติ๊ก” 14,400 ครั้ง แล้วหลังจากนั้นก็ “ต็อก” ในจำนวนครั้งที่เท่ากัน จังหวะรวมทั้งท่วงทำนองที่ดำเนินไปอย่างไม่สิ้นสุดนี้นำมาซึ่งการทำให้เฟืองแล้วก็จักรทุกชิ้นเขยื้อนได้อย่างใส่ประสานกัน และทำให้นาฬิกาสามารถเดินได้อย่างเที่ยงตรง สิ่งนี้ตอกย้ำให้เห็นถึงความสนใจในทุกรายละเอียดของเรา โดยเฉพาะในหัวข้อการควบคุมจังหวะการเดินของเวลา
เมื่อเอ๋ยถึงนาฬิกา เราอยากได้ยินคำว่า ‘ความเป็นยอดเยี่ยม’ มาเป็นเวลานานนับศตวรรษแล้ว ทั้งการนาฬิกาสำหรับใส่ข้อมือของแบรนด์ได้รับการรับรองความเที่ยงตรงในระดับสูงสุดจาก Kew Observatory ของอังกฤษในปี 1914 การพัฒนาตัวบ้านออยสเตอร์ซึ่งกันได้ทั้งน้ำและฝุ่นผงในปี 1926 รวมถึงประดิษฐ์ระบบขึ้นลานอัตโนมัติโรเตอร์
Perpetual ในปี 1931 ทำให้กลไกมีกำลังลานสำรองอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงทำให้ไม่ต้องไขลานด้วยเม็ดมะยมเป็นประจำซึ่งลดผลพวงต่อความรู้ความเข้าใจการปกป้องน้ำของตัวบ้าน โดยต่อมากลไกไขลานอัตโนมัตินี้ยังได้กลายเป็นมาตรฐานที่ใช้กันทั่วทั้งยังวงการนาฬิกา ภารกิจที่การแสวงหาความเป็นดีเลิศดำเนินไปอย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งเป็นเนื่องจากว่าการทำงานที่มอบอิสระ การบูรณาการแล้วก็ปรับแก้ความชำนาญด้านการผลิตนาฬิกาเข้าด้วยกันในทุกๆด้าน รวมถึงความยึดมั่นมาตรฐานที่เข้มงวดเพื่อสมกับผลงานอันมีคุณภาพที่มีคุณค่าแก่การประทับ
จุดเปลี่ยนที่ทำให้ แปลงเป็นมือจับตามองไปทั้งโลก ก็หนีไม่พ้น Submariner เนื่องจากในปี 1953 ได้เปิดตัวรุ่น Submariner นาฬิกามุดน้ำรุ่นแรก Rolex ที่สามารถมุดน้ำลึกได้ถึง 100 เมตร เนื่องจากว่าในสมัยนั้นไม่มีนาฬิกาเรือนไหนที่สามารถกันน้ำลึกได้มากขนาดนี้มาก่อน ผ่านมาเพียง 2 ปี ก็ได้เปิดตัวนาฬิกา 2 ไทม์โซนออกมาตอนแรก ต่อมา ก็ยังได้เปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีให้ก้าวไปกับโลกข้างนอกได้ เนื่องจากมนุษย์สามารถเดินทางโดยเครื่องบินได้ ก็เลยมีความหมายที่นักบินจำเป็นต้องรู้เวลา 2 โซน ทาง ก็เลยได้ออกรุ่น GMT-Master ในปี 1955 แล้วหลังจากนั้น 7 ปีถัดมา ก็ได้เปิดตัว Daytona หนแรกในปี 1963 เพื่อสังสรรค์การเป็นนาฬิกาที่มีไว้สำหรับจับเว